adsense

บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ความลับของดวงแก้ว [3]

เรามาอ่านเรื่อง “ความลับของดวงแก้ว” ในหนังสือ “แก้วกายสิทธิ์” ของเว็บนวกาพรหมกันต่อเป็นบทความสุดท้าย

เรื่องเกี่ยวกับแก้วเสด็จ

คือ ตั้งแต่สมัยโบราณ คนเฒ่าคนแก่ จะเล่าให้ฟังว่าตามป่าเขายามดึกสงัด วันเพ็ญ 15 ค่ำ มักมีแก้วสุกใสสว่างดวงกลมลอยขึ้น จากภูเขาลูกนี้ไปลงเขาลูกนั้น

พอใกล้สว่างก็ลอยกลับลงมาที่เขาลูกเดิม แก้วบางดวงก็เล็ก,ใหญ่มีรัศมีสีแสงอ่อนไม่เท่ากัน บางดวงมีบริวารแวดล้อมระยิบระยับไปหมด

เรื่องทำนองนี้มีผู้พบเห็นมาแต่โบราณจนแม้ในยุคปัจจุบัน ทำให้เป็นที่สนใจสงสัยของบรรพบุรุษ ซึ่งสมัยนั้นคงสงสัยในใจกันมานาน และสมัยโบราณปกครองด้วยระบบเจ้าขุนมูลนาย 

ดังนั้นเมื่อเจ้าเมืองที่เมืองป่า  เขาได้พบเห็นปรากฏการณ์นี้  ด้วยความสงสัยมานาน  ที่เห็นดวงสว่างลอยขึ้นจากยอดเขาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของภูเขา  แล้วลอยไปยังเขาอีกลูกหนึ่งพอใกล้สว่างก็ลอยกลับที่เดิม  เป็นเช่นนี้นานเข้า

ด้วยความสงสัยอยากรู้  และอาศัยมีอำนาจสั่งการให้ไพร่ฟ้าหรือบริวารทดลองขุดดูตรงบริเวณที่แสงลอยหายตกวูบไป

เมื่อขุดดูก็ได้พบแท่งแก้วผลึกบ้าง  ก้อนแก้วผลึกบ้าง  เป็นหินขาวใสบริสุทธิ์บ้าง  ขาวขุ่นๆ ใสๆ บ้าง   จึงนำมาทำเป็นเครื่องประดับยอดเจดีย์  เช่น ทำเจียระไนเป็นรูปดอกบัวรูปดวงแก้วกลม  ไว้บนฉัตรทองคำยอดพระธาตุ  เจดีย์ต่าง ๆ

เช่น เจดีย์หริภุญชัย ลำพูน,พระธาตุดอยสุเทพ,พระธาตุต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ,พระธาตุนครศรีธรรมราช  ก็มีดวงแก้วกลมใสจำนวนมากประดับบนฉัตรรอบยอดเจดีย์

และวันดีคืนดี  ก็จะมีปาฏิหาริย์เป็นดวงแสงสว่างลอยจากยอดเจดีย์นั้นไปหาเจดีย์นี้  เชื่อกันว่าแก้วเสด็จไปมาหาสู่กับแก้วด้วยกันในถิ่นอื่นๆ หรือไปเยี่ยมกัน 
 
และนอกจากนี้คนยุคโบราณยังนำหินแก้วกายสิทธิ์เหล่านี้มาเจียระไน  ทำเป็นพระพุทธรูปบรรจุไว้ในเจดีย์ที่เชียงแสน,เชียงใหม่,อ.ฮอด,เชียงราย,ลำพูน,ลำปาง,น่านแพร่,อุตรดิตถ์,พิษณุโลก,อยุธยา ฯลฯ

แสดงว่ามีผู้รู้จักแก้วกายสิทธิ์มาแต่โบราณกาลนับพัน ๆ ปีแล้ว

จากหลักฐานที่ขุดค้นพบจากกรุเจดีย์ต่างๆ ในภาคเหนือนั้น  ก็ล้วนพบดวงแก้วกายสิทธิ์บ้าง  พระหินแก้วกายสิทธิ์บ้าง  และกายสิทธิ์รูปต่างๆ  ดังปรากฏหลักฐานในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดทั่วประเทศ

ซึ่งจะพบว่าตามกรุเจดีย์วัดร้างที่ขุดพบนี้  มีพระแก้วกายสิทธิ์, ช้างแก้ว, กวางแก้ว, ผอบแก้วใส่พระบรมสารีริกธาตุและมีดวงแก้วกลมอีกด้วย  เช่น  ที่พบจากเมืองฮอดเชียงใหม่  เชียงแสน เชียงของ เชียงคำ และอำเภอเถิน ลำปาง

แสดงว่าบรรพบุรุษของไทยได้รู้จักแก้วกายสิทธิ์มานานแล้วตั้งแต่โบราณกาล

ความลับเกี่ยวกับเรื่องขุมแก้วกายสิทธิ์ในเมืองเหนือ

เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธแก้ว  อันถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง  เพราะแก้วย่อมถือเป็นของมีค่าหาได้ยาก โดยเฉเพาะแก้วหินจากธรรมชาติ

พระแก้วที่เกิดขึ้นในเมืองเหนือที่ถือเป็นพระปฏิมากรองค์สำคัญ เช่น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในปัจจุบัน  ก็พบครั้งแรกในกรุกลางเมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๙

เรื่องพระแก้วมรกตนี้ คุณลุงการุณย์ บุญมานุชบอกว่า หินที่แกะเป็นพระแก้วมรกตนั้น เป็นหินที่ตกมาจากอายตนะนิพพาน

พระแก้วอีกองค์หนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง มีหน้าตัก ๖ นิ้ว  พบในลำปางตามตำนานกล่าวว่าพบเป็นลูกแก้วอยู่ในผลแตงโม (มะเต้า) แล้วนำมาเจียระไนเป็นพระพุทธรูป

พระแก้วอีกองค์หนึ่ง มีความสำคัญคู่ตำนานคือ พระแก้วหริภุญชัย กล่าวว่าเป็น  พระแก้วของพระนางจามเทวีแต่สมัยหริภุญชัย  ขณะนี้อยู่ที่วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่ ทราบกันดีในชื่อ พระเสตังคมณี

นอกจากนี้ ยังมีประดิษฐกรรมจากแก้ว  ที่พบกันในกรุร้างวัดต่างๆ ในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

ปรากฏว่ามีทั้งพระพุทธรูปแก้วกายสิทธิ์ใสๆ ช้างแก้ว กวางแก้ว ดวงแก้วกลมใส ผอบแก้วใสบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในเขตเมืองเก่า เชียงแสน เชียงขอม เชียงคำ และเขตกรุร้างต่างๆ  ในจังหวัดภาคเหนือ

และในกรุวัดร้างของอำเภอเถินก็พบหลักฐานที่ประดิษฐกรรมเจียระไนจากหินแก้วกายสิทธิ์ ในรูปต่างๆ เจริญอยู่ในสมัยลานนาไทยมานานแล้ว

ทางสุโขทัยและพระนครศรีอยุธยา การขุดค้นต่างๆ ของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร  ก็พบแก้วใสด้วยวิธีเจียระไนแบบพื้นเมืองโบราณ

ลึกลงไปในสมัยก่อนประวัติศาสตร์   ได้พบหลักฐานว่าคนในสมัยดึกดำบรรพ์ได้นำลูกแก้วปัดสีต่างๆ มาประดับคุ้มครองตัวเอง  เราจะหาดูได้จากพิพิธภัณฑ์อู่ทอง

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งคือ  ลูกแก้วลูกปัดที่มีสีขาวใสสะดุดตาเรียกว่า แก้วน้ำค้าง” ซึ่งจัดอยู่ในประเภทหินแก้วกายสิทธิ์ หินผลึก หินเขียวหนุมาน หินแก้วโป่งข่ามนั่นเอง

นอกจากหินแก้วกายสิทธิ์สีขาวแล้ว อาจมีสีม่วง ชมพู น้ำชา สีฟ้า และมีแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าปะปนมีคล้ายตะไคร่น้ำ ทราย หรือเป็นเส้นสีดำ สีทอง สีนาค สีเงิน ซึ่งล้วนเป็นหินแก้วกายสิทธิ์เกิดเองตามธรรมชาติ มีอายุนับล้าน ๆ ปี

หินแก้วชนิดขาวใสบริสุทธิ์เป็นของหายากและมีค่าสูงพอ ๆ กับสีม่วงใสซึ่งนิยมกันมาก และมีราคาแพงแต่ทว่าลักษณะหินแก้วใสเหล่านี้เกิดเองมีขนาดใหญ่ ๆ ที่ใสบริสุทธิ์จริง ๆ หายากมาก

ส่วนมากมักขุ่นครึ่งใสครึ่ง ถึงใสหมดก็มีขนาดเล็ก  และหายากมีค่าสูง ส่วนบางก้อนถึงใสสนิทก็อาจมีลายหินม่านหินตามธรรมชาติเกิดอยู่ภายในปะปนอยู่ทุกก้อน  ทุกดวง  มากบ้าง  น้อยบ้าง ต้องเข้าใจตามความเป็นจริงของธรรมชาติ

ในต่างประเทศ เช่น จีน เรียกแก้วกายสิทธ์นี้ว่า หินแก้วจุยเจีย” หรือที่แปลกันว่าแก้วหยกน้ำค้าง หรือ น้ำกลายเป็นหินแข็งใส ทำนองนี้

แก้วจุยเจียมักมีคุณภาพความใสสะอาดเป็นเลิศ และมีขนาดใหญ่ สามารถนำมาเจียระไนเป็นลูกแก้วกลมใสขาดเท่าลูกพุทรา เท่ามะนาว

ตัวอย่างในตำนานจีนประวัติ  8  เซียน กล่าวถึง "หลีเล่ากุน"  มีดวงแก้ววิเศษเท่าผลส้ม  เปล่งแสงออกมาเป็นฉัพพรรณรังสี  รัศมี 6 ประการ  และเมื่ออธิษฐานขอดูภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ จากดวงแก้ว  จะเห็นตามเป็นจริง

นอกจากนี้ ในศาสนาพุทธมหายานในจีน  พระพุทธรูปตรีกาย (ซำเป้า) พระพุทธรูปองค์กลาง (พระศากยมุนี)  พระหัตถ์ถือดวงแก้วเป็นสัญลักษณ์

ส่วนทางยุโรป อเมริกาเรียกว่า ร็อคคริสตัล “คริสตัล” เรียกสั้นๆ ว่า คว้อทซ์นั่นเอง  ประชาชนชาวจีน ชาวญี่ปุ่น นิยมนำเอาหินจุยเจียมาทำเป็นดวงแก้วกลมเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง

เพื่อนำมาเป็นนิมิต ปฏิบัติธรรม ซึ่งมีอานุภาพต่อทางจิตสูงมาก เช่นถือกันว่ามีพลังวิเศษอยู่ในดวงแก้วนั้น

ในทวีปอเมริกานิยมเอาหินแก้วใสบริสุทธิ์  ร็อคคริสตัลจุยเจียนี้ทำเป็นคริสตัลบอลล์ หรือดวงแก้ว ใช้เพ่งให้จิตเป็นสมาธิ  เพื่อให้รู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ได้ เช่นยีนส์ ดิกสัน ชาวอเมริกาที่โด่งดังในอเมริกา

สำหรับในประเทศไทยนิยมยกย่องหินแก้วผลึกขาวใส (จุยเจีย)  เป็นรัตนะ (แก้วอันประณีต ประเสริฐ) เป็นของบริสุทธิ์จึงนิยมมาเจียระไน เป็นพระพุทธรูป, ผอบ, เจดีย์แก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า, พระธาตุของพระอรหันต์ และนิยมทำเป็นดวงแก้วกลมประดับบูชาไว้บนยอดเจดีย์ต่าง ๆ

โดยปกติแล้ว รัตนชาติทั้งหลายนั้น มีจักรพรรดิอยู่ในนั้น และจะเป็นจักรพรรดิของฝ่ายธรรมะ หรือฝ่ายขาว  ยกเว้น นิล เป็นจักรพรรดิของฝ่ายมาร

สำหรับเหล็กไหลก็เป็นจักรพรรดิของฝ่ายมารเช่นเดียวกัน

จักรพรรดิทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าจะให้ดีต้องเอาท่านมาเรียนวิชาธรรมกาย บารมีของท่านจะโตเร็วมาก


จักรพรรดิที่ไม่มาเกี่ยวข้องกับวิชาธรรมกายนั้น บารมีจะโตช้า เสียเวลาในการมาสร้างบารมีของท่านด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น