adsense

บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

แม่ชีทองสุกท่องเมืองนรก [1]

ในหนังสือ กฎสวรรค์ ของเว็บของนวกาพรหม มีเรื่องเล่าการไปเที่ยวเมืองนรกของแม่ชีทองสุก สำแดงปั้นไว้ดังนี้

ท่องเมืองนรก เปิดบัญชีบุญ-บาป

แม่ชีอาจารย์ทองสุข สำแดงปั้น ตั้งแต่รู้ข่าวหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) ท่านไปเทศน์โปรดสัตว์นรก และรู้ช่องทางที่จะไปแล้วก็เริ่มทำสมาธิ และฝึกหัด “ม้าแก้ว” คล่องแคล้วอยู่ทุกวัน รอโอกาสที่จะหนีหลวงพ่อไปนรกบ้าง

วันหนึ่ง สบโอกาสเหมาะหลวงพ่อท่านถูกนิมนต์เข้ากรุงเทพฯ แม่ชีอาจารย์ สั่งเพื่อนในห้องฝึกหัดกรรมฐานว่า

 “อย่าให้ใครมายุ่งกับร่างกายของฉันนะ”

แล้วก็เข้าที่ทำ “สัมมา อะระหัง” เดินฌานจนดิ่งเงียบสงบดีแล้ว จึงอธิษฐานขอไปเที่ยวเมืองนรกบ้าง แล้วก็ขึ้นขี่ม้าแก้วห้อออกไปจากวัด

แม่ชีอาจารย์เล่าว่า พริบตาเดียวเท่านั้น ถึงเมืองนรก นี้ไม่ไกลเลย รูปร่างของเมืองมองเห็นกำแพงแต่ไกล เป็นกำแพงเก่าๆ

มีคนเฝ้าแต่ม้าแก้วห้อเร็วเหลือเกิน พอคนอ้าปากถามเท่านั้น แม่ชีอาจารย์ยังไม่ทันตอบว่ากระไร ม้าแก้วก็กระโดดพรึบไปแล้ว

ภายในกำแพงมองเห็นบ้านเรือน 2-3 หลัง แต่เป็นหลังใหญ่ๆ ผู้คนมีทั้งชายและหญิง ร่างกายหน้าตาเหมือนมนุษย์เราดี ๆ นี่เองแต่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นหนึ่งติดตัว

แม่ชีอาจารย์บ่นกับม้าแก้วดังๆว่า

 “พวกนี้บัดสีจริงๆ ดูซิเดินแก้ผ้าล่อนจ้อน ไม่อับอายใครๆ บ้างเลยแน่ะ! ว่ายังหันมามองตาโตทะเลิ่กทะลั่กอีก ไม่รู้จักอายจริงๆเห็นไหมวิ่งมากันใหญ่แล้ว” ม้าแก้วร้องว่า “หนีเถอะๆ”

 “ไปหนีมันทำไม”

 “ประเดี๋ยวมันจะจับเราแก้ผ้าบ้างนะซีอาจารย์ บอกไม่เชื่อ หนีเถอะน่ะ” ม้าแก้วร้องเตือน

พอดีพวกในเมืองนรกก็วิ่งมาถึง ต่างตนเข้าล้อมหน้าล้อมหลัง อีก 4-5 ตน เข้าจับม้าไว้ อีก 4-5 ตน ฉุดแขนอาจารย์ให้ลงจากหลังม้า อาจารย์ไม่ยอมลง พวกเขาก็พาออกแรงอุ้มให้ลง

แม่ชีอาจารย์บอกว่า

"โมโหจริงๆ จะใช้จักรแก้วขว้างมัน มันก็จับมือไว้ ม้าก็ดิ้นทั้งเตะทั้งโขก แต่สู้พวกเมืองนรกไม่ไหว เขาพากันฉุดอาจารย์ผ่านไปตามบ้านเก่าๆ โกโรโกโส เหมือนกระท่อมจวนจะพังหลายหลัง

แม่ชีอาจารย์ก็มองเข้าไปในกระท่อมเหล่านั้น บางแห่งก็แลเห็นผู้หญิงเปลือยกายอยู่กับสุนัขตัวผู้ บางแห่งก็แลเห็นคนผู้ชายเปลือยกายอยู่กับสุนัขพันธ์ใหญ่ตัวเมีย

ในสภาพที่นอนอยู่ในที่เดียวกัน เหมือนสามีภรรยา และบางแห่งก็แลเห็นคนอยู่กับหมู ม้า แพะ แกะ โค กระบือ"

แม่ชีอาจารย์มองแล้วแปลกใจและตกใจ จึงถามพวกนรกที่ฉุดไปว่า  “ทำไมพวกนั้นจึงอยู่กับหมา เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”

สัตว์นรกตอบว่า “มันชอบของมันอย่างนั้น ก็ต้องตามใจมัน”

แม่ชีอาจารย์ถามอีกว่า          “แล้วนี่พวกแกจะจับกุมฉันไปไหน?”

เขาตอบว่า  “นายสั่งให้จับไปให้นาย”

แม่ชีอาจารย์จึงออกอุบายว่า  “ไม่ต้องจับมือถือแขนดอก ปล่อยเถอะฉันเดินไปเอง ฉันนึกออกแล้ว นายของพวกเธอชื่อ ยมบาล เป็นเพื่อนสนิทกับหลวงพ่อฉันเอง ฉันตั้งใจจะมาเยี่ยม ปล่อยฉันเถอะ”

พวกสัตว์นรกยอมฟัง จึงปล่อยมือ แม่ชีอาจารย์เดินตามเขาก็พาเดินตรงไปยังเรือนหลังใหญ่ ท่าทางโอโถงกว่าทุกๆ แห่งที่ผ่านมา

มองเห็นทหารถือขวานเล่มใหญ่เท่าหมอนอิง ยืนท่าทางขึงขัง อยู่หน้าสองตน ข้างในมีโต๊ะตัวใหญ่ มีคนนั่งอยู่ ๓ คน

คนกลางอายุประมาณห้าสิบเศษๆ หวีผมตั้ง อ้วนล่ำใหญ่โตผิวดำเป็นประกาย หน้าผากกว้าง จมูกแบนใหญ่ ไม่สวมเสื้อ แต่นุ่งผ้าอย่างดี

คนนั่งข้างขวากำลังเปิดบัญชีเล่มใหญ่ ได้ยินเสียงบอกวันเกิด วันตายของผู้ที่ถูกจับมา เขาตะโกนบอกดังๆ

แม่ชีอาจารย์ได้ยินแล้ว อยากรู้เรื่องจึงบอกกับพวกนั้นว่า  “ยมบาลไม่ว่าง ฉันจะนั่งข้างๆศาลนี่แหละ ไว้ท่านว่างแล้วฉันจึงจะเข้าไปหา พวกแกไปทำอะไรก่อนก็ไปเถอะ ฉันไม่หนีหรอก เพราะฉันไม่ได้ถูกจับเข้ามา”

พวกนั้นก็เชื่อจึงปล่อยมือ แม่ชีอาจารย์ก็เข้าไปนั่งแอบข้างประตู เพื่อจะดูว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร

สักครู่หนึ่งก็เห็นพวกทหารผีจับผู้ชายคนหนึ่งไปมัดมือด้วยโซ่ที่คอก็มีโซ่เส้นใหญ่สวมอยู่ เขาถูกลากครึ่งจูงเข้ามาที่หน้าบังลังก์

เสมียนคนนั่งทางขวามือถามชื่อและวันเกิด แล้วถามยมบาลว่าใช่ตัวจริงไหม ยมบาลพยักหน้า  เสมียนที่นั่งทางซ้ายมือก็ถามขึ้นว่า “แกประพฤติตัวเลวทรามมาก ข่มขืนผู้หญิงใช่ไหม”

คนโทษตอบว่า “เปล่า” ในทันใดนั้นเอง ก็มีผู้หญิงสาวสองคนวิ่งมาจากห้องทางด้านหลังมาชี้หน้าผู้ชายที่ถูกจับมาแล้วร้องว่า  “แกโกหก ต่อหน้ายมบาลแกยังกล้าโกหก”

แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หันมาฟ้องยมบาลว่า “ท่านเจ้าค่ะ ไอ้คนนี้แหละที่บังคับหนูกินยาเม็ดๆ ไป 4-5 เม็ด แล้วบังคับหนูนอน แล้วทำร้ายหนูค่ะ”

แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้รำพันว่า “โธ่! หนูอุตส่าห์ยอมลำบากมา ทนเป็นลูกจ้างมัน เพื่อจะเอาเงินไปให้แม่ซื้อยารักษาตัว มันยังทำหนูได้”

พอชายคนนั้นจะเถียงอีก เขาก็สะดุ้งขึ้นจนสุดตัวเหมือนถูกทำร้าย เขาร้อง “โอ้ย!” เสียงดังลั่น

และในทันใดนั้น ปากของเขาก็ฉีกออกไป ลักษณะของแผลเหมือนถูกเสือตะปบ เลือดออกท่วมปากทันที เสียงเขาร้องครางอย่างเจ็บปวด และว่า  “ผมทำผิดแล้ว ขอโทษด้วยๆ”

ยมบาลร้องสั่งทันทีว่า  “เอาไป เอามันไป ปากแข็งนัก ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับ กลางวันให้เอาหอกแทงปากทะลุถึงท้อง กลางคืนให้นอนกับหมาป่า”

แล้วยมบาลหันมาพูดกับหญิงสาวอย่างมีเมตตา

 “เจ้าเป็นคนดี มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่มีกรรมเก่ามาตามทัน จึงต้องเสียชีวิตก่อนอายุขัย เราจะให้เจ้าไปพักที่ปราสาทก่อน รอกำหนดที่จะจุติไปชั้นดาวดึงส์ ไปเถิดไปสู่ที่เป็นสุข”

แม่ชีอาจารย์เล่าว่า พอยมบาลให้พรเสร็จเท่านั้น แทบไม่น่าเชื่อ แม่ชีอาจารย์ต้องกระพริบตาดูใหม่อีกทีว่า จะใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือไม่ เพราะรูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆ กันกับคนเก่า แต่ทุกอย่างสวยขึ้น ละเอียดขึ้น

เสื้อผ้าหยาบๆ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสวมมาแต่แรกก็กลับเป็นใหม่และสวยงามขึ้นหลายสิบเท่า แต่การตัดเย็บเป็นแบบเก่าเท่านั้นเอง แต่สวยงามขึ้นมาก แล้วก็มีผู้หญิงสวย ๆ มาต้อนรับเชื้อเชิญให้ไปอยู่ด้วยกัน

พอเขาไปกันแล้ว แม่ชีอาจารย์ทองสุก ก็นึกในใจว่า ไปเป็นสุข ๆ เถอะแม่คุณ คนมีความกตัญญูเลี้ยงพ่อแม่ รักษาพ่อแม่ ตายแล้วจะได้ไปเกิดเป็นนางฟ้า จะให้เขาเขียนลงในหนังสือด้วย คนอื่นๆจะได้รู้ทั่วๆกันจะได้ทำความดีต่อพ่อแม่ด้วย

สักประเดี๋ยวหนึ่ง ก็มีทหารของยมบาล ๔ ตน ฉุดกระชากลากชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งเข้ามา เสมียนก็บอกความผิดว่า คนทั้งสองนี้หนีพ่อแม่ไปทำความผิดด้วยกัน พ่อแม่ว่ากล่าวก็เลยกินยาตายทั้งคู่

เสียงยมบาลถามว่า  “ทำไมจึงกินยาฆ่าตัวตายพร้อมกัน”

เขาตอบว่า  “เรารักกันมากครับ พ่อแม่ไม่ยอม เราจึงกินยาฆ่าตัวตายพร้อมกัน คิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกันในเมืองนี้”

“สัตว์ผู้โง่เขลา!” ยมบาลดุเสียงดังแล้วว่า

“เจ้าคิดว่าเจ้าทำความชั่วแล้วจะได้มาอยู่ด้วยกันอย่างสบายในเมืองเรา เจ้าเป็นคนไม่มีความกตัญญูทำให้พ่อแม่ทุกข์โศก บาปของเจ้าไม่เสมอกัน เจ้าจะอยู่ภูมิเดียวกันอย่างไรได้”

ยมบาลว่าแล้วก็หันไปถามเสมียนว่า  “บาปของมันต่างกันอย่างไรบ้าง”

เสมียนก้มหน้าลงอ่านในสมุดเล่มใหญ่ที่สุดแล้วบอกว่า

“คนผู้ชายนั้นขโมยเงินพ่อแม่ และสูบยาเสพติดด้วย ไม่เคยทำบุญทำทานเลย ส่วนผู้หญิงนั้น เวลาแม่ว่าก็ด่าแม่และกระทืบเท้า ไม่ค่อยทำบุญ แม่เรียกให้ลุกขึ้นหุงข้าวใส่บาตรก็ไม่ยอมทำให้ แต่เคยช่วยคนแก่ที่เป็นลม โดยให้ยาและพาส่งให้หมอรักษาจนหาย”

ยมบาลสั่งเสียงดังว่า  “แยกมันไปคนละขุม”

พวกทหารก็ตรงเข้ากระชากมือออกจากกันแล้วลากไปโดยเร็ว เสียงคนทั้งสองร้องเรียกหากันอย่างโหยหวน

พอยมบาลลุกขึ้น จะกลับเข้าข้างใน ก็สั่งทหารที่เฝ้าหน้าศาลว่า

“ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญมาแอบดูอยู่คนหนึ่ง จงอนุญาตให้แกดู จะได้จำไปบอกเล่าแก่ชาวมนุษย์ จะได้ไม่กล้าทำบาปหยาบช้านรกกี่ขุม ๆ ก็เต็มล้นหมดแล้ว เพราะคนใจบาปมากเหลือเกิน”

สั่งแล้วก็เข้าไป

ทหารก็ให้ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางจัดจ้านเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ในเมืองนรกคนหนึ่งมาพาแม่ชีอาจารย์ บอกว่า  “ไปเที่ยวดูขุมต่างๆกันเถอะ”

แม่ชีอาจารย์อยากดูอยู่แล้ว ก็รีบลุกขึ้นตามเขาไปอย่างว่าง่าย เขาพาเดินมาถึงห้องขังที่มีคนอยู่กับหมา แม่ชีอาจารย์จึงถามเขาว่า

 “ทำไมจึงเอาคนไปไว้กับหมา”  เขาตอบว่า

 “คนเหล่านี้มีโทษ ในเรื่องขืนใจหมา คือหมาบางตัวก็มีจิตใจดี ซื่อตรงต่อสามีหรือภรรยาของมัน แต่คนต้องการอยากจะได้ลูกไว้ขาย ก็บังคับหรือล่อให้มันกินยาเพิ่ความกำหนัด
แล้วบังคับให้ผสมพันธุ์กับตัวอื่นๆ ที่มันไม่รัก

ทำให้มันได้รับความเจ็บปวด ครั้นเวลามันตายมันก็มาฟ้อง จึงต้องจับขังไว้กับหมา หมามันจะกัดทุกวันและทุกเวลาที่จะนอนหลับ”

แม่ชีอาจารย์ฟังแล้วก็ตกใจ มองไปก็แลเห็นคนที่ถูกจับขังอยู่กับหมานั้น ต้องเที่ยวหลบเขี้ยวหมาอยู่อย่างวุ่นวาย เพราะหมาตัวใหญ่เกือบเท่าลูกม้าและดุร้ายมาก กัดตามหน้าและคอของคน

แม่ชีอาจารย์เห็นแล้วมีความกลัวจึงถามว่า  “หมาตัวนี้หรือที่ถูกข่มเหง”

ผู้หญิงผู้คุมตอบว่า  “ไม่ใช่ นี่เป็นหมาของยมบาลมีไว้สำหรับลงโทษผู้ทำผิด ไม่ใช่หมาคู่เวรคู่กรรมกัน”

แม่ชีอาจารย์ฟังแล้วก็นึกในใจว่า เมื่อขามาผ่านกรงขังเห็นคนอยู่กับหมาบ้าง แพะบ้าง สัตว์ต่างๆบ้าง ถ้าจะมีกรรมเพราะขืนใจมัน ก็เป็นอาชีพที่ทุจริตเหมือนกัน

แล้วแม่ชีอาจารย์ก็เดินตามเจ้าหน้าที่เขาต่อไป พอถึงทางเลี้ยวจะออกไปทางเก่าก็ปะทะเข้ากับคนกลุ่มใหญ่ แม่ชีอาจารย์ตกตลึง มองดูคนกลุ่มนั้น เห็นหัวแตกก็มี แขนหัก ขาหัก อกทะลุไม้ปักอกก็มี อีกคนหนึ่งมีอะไรวงกลมๆ ทับ หรือกระแทกติดอยู่ที่หน้าอก โลหิตโชกไปหมดทั้งตัว

เสียงเจ้าหน้าที่ถามว่า  “อะไรกัน ทำไมจับมาพร้อมกันมากมาย”  เสียงทหารผีตอบว่า

 “มันไปเที่ยวสำมะเลเทเมา รถคว่ำเลยจับมาเป็นหมู่ใหญ่”

เสียงผู้คุมหญิงพูดว่า  “ดีเหมือนกันไม่ต้องจับทีละคน”

เมื่อพวกทหารผีของยมบาล จับพวกรถคว่ำมามากมายแล้ว แต่ละคนก็หัวแตก แขนหัก อกทะลุ ร้องโอดโวยวาย

แม่ชีอาจารย์รู้สึกตกใจกลัว จึงบอกเจ้าหน้าที่ผู้หญิงซึ่งยมบาลสั่งให้พาเที่ยวดูสัตว์นรกนั้นว่า “แหม! น่ากลัวจริงๆตายเป็นหมู่ๆอย่างนี้ เขามีบาปหนักอะไรบ้าง”

เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ตอบว่า

 “เดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือเดี๋ยวก็รู้ เพราะเมืองนี้เป็นวงกลม เดินอ้อมไปประเดี๋ยวก็พบศาลตัดสินผู้ที่ถูกจับมาใหม่ เหมือนที่แม่ชีอาจารย์เข้ามา”

เรื่องนี้ผมไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน และได้อ่านที่นี่เป็นครั้งแรก  ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ

1) การไปสอนสัตว์นรกนั้น ทำได้จริงๆ วิทยากรของกลุ่มคุณลุงก็เคยไปสอน


2) แม่ชีทองสุกมีนิสัยอย่างที่เล่ามาจริงๆ การที่แม่ชีทองสุกไปเที่ยวนรกนี้ ก็น่าจะเป็นความจริง 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น