adsense

บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

แม่ชีทองสุกท่องเมืองนรก [2]

เรื่องเล่าการไปเที่ยวเมืองนรกของแม่ชีทองสุก สำแดงปั้นนั้น มีความยาวมาก ผมจึงต้องแบ่งออกเป็น 2 บทความ อ่านต่อกันได้เลย ดังนี้

เจ้าหน้าที่พาแม่ชีอาจารย์เดินผ่านไปหลายแห่งพอมาถึงหน้าศาลก็หยุด แม่ชีอาจารย์ทองสุขมองไปในศาล แลเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด

บัลลังก์ก็สวยงามใหญ่โตเป็นสง่า เสมียนซ้ายขวาแต่งตัวเหมือนข้าราชการนายทหารผู้ใหญ่ นั่งวางท่าสง่าหนวดโง้ง ทหารรักษาประตูมีเป็นกองร้อย ล้วนเข้มแข็ง ถืออาวุธ

ยมบาลแต่งตัวเหมือนพระเจ้าแผ่นดิน สวยงามมากเป็นสง่าน่ากลัว ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด

แม่ชีอาจารย์จึงถามเจ้าหน้าที่ว่า  “นี่เป็นศาลใหม่หรือ”

เขาตอบว่า

“ไม่ใช่ เป็นศาลเก่า แต่วันนี้สัตว์ผู้ถูกจับมาใหม่คงจะเป็นเจ้านายใหญ่โตทางเมืองมนุษย์ ยมบาลจึงเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่างในศาลให้ดูน่าสะพรึงกลัว ใหญ่โตเต็มไปด้วยอำนาจราชศักดิ์ และเกียรติศักดิ์เพื่อให้ผู้ถูกจับมาจะได้เกรงขาม

ยมบาลท่านแปลงตัวได้ทุกอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติก็ได้ ให้แปลกประหลาดพิสดารก็ได้ ถ้าจับคนใจร้ายดุดันเป็นจอมโจรมา ท่านก็แปลงตัวเป็นดุร้ายหน้าตาเหมือนยักษ์ทำอำนาจตวาดและกระทืบบาทดังสนั่นหวั่นไหว ให้ดูน่ากลัว ยิ่งกว่าจอมโจรนั้นๆหลายพันเท่า”

 “ทั้งนี้เพื่อเป็นการปราบพยศสัตว์ต่างๆ เสียแต่แรกพบ มนุษย์ทุกคนเมื่อไปสู่เมืองยมบาลแล้ว ถึงจะเคยใหญ่โตแค่ไหน ยมบาลหรือเจ้าหน้าที่ในเมืองนั้นก็เรียกว่า “สัตว์นรก”ทั้งนั้น

และการลงโทษก็ไม่เห็นแก่หน้ากัน ถึงเป็นญาติกันมาก็ไม่ผ่อนผัน ทุกคนต้องได้รับโทษไปตามกรรม”

แม่ชีอาจารย์ฟังเจ้าหน้าที่เขาอธิบายแล้วจึงว่า เธอจะไปไหนก่อนก็ไปเถิด ฉันจะดูยมบาลท่านตัดสินพวกรถคว่ำก่อนถึงจะกลับ แล้วก็ค่อยๆเดินกลับไปนั่งที่เก่า

สักครู่หนึ่งก็แลเห็นยมทูตพาพวกที่ตายเพราะรถคว่ำเข้ามาเป็นแถว เสมียนซ้ายขวาก็เปิดบัญชี ถามชื่อและสถานที่อยู่เพื่อสอบดูว่าจะใช่ตัวคนหมดอายุจริงหรือไม่

คนแรก มีไม้กลมๆ แม่ชีอาจารย์ดูเป็นนานจึงรู้ว่าเป็นพวงมาลัยอัดแน่นติดกับหน้าอก เลือดหยดมาเป็นทาง

ยมบาลสอบถามได้ความว่า เขาเป็นคนมียศใหญ่ในเมืองมนุษย์ ขับรถส่วนตัวพาเพื่อนๆ ไปหานางโลมและกินเหล้าเมาจึงขับรถชนรถคนอื่น ตัวเขาเองถูกพวงมาลัยกระแทกเข้ากับอกจึงตาย

เสมียนเปิดบัญชีแล้วว่า

 “อาชีพของเขาทำราชการก็ไม่สุจริต มีการโกงกินกับพ่อค้า ค้าของร้ายคืออาวุธประหัตประหาร แอบขายปืนเถื่อน ทำให้ผู้ร้ายชุกชุม ตัวเขาเองเคยสั่งลูกน้องให้แอบฆ่าคน แล้วยังไม่ได้รับโทษทางเมืองมนุษย์เลย”

ยมบาลทรงพิโรธตวาดว่า “เจ้าสัตว์ผู้มัวเมา เจ้ากระทำความผิดอย่างมากมาย เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร ข้าเห็นเจ้าอ้าปากอยู่ตลอดเวลา”

ชายคนนั้นตอบว่า  “ผมไม่ได้ทำผิด ถ้าทำผิดศาลทางเมืองมนุษย์เขาก็ตัดสินลงโทษแล้ว”

เสมียนตอบว่า  “แกต้องมีความผิดแน่ เพราะผู้ตรวจสอบความประพฤติของมนุษย์มารายงานทุกครั้ง”

แต่ชายผู้นั้นก็ยังปฏิเสธอยู่นั้นเอง   เสมียนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่อีกพวกหนึ่งไปตามโจทก์มา คราวนี้มีคนมากลุ่มใหญ่ มีผู้หญิงชี้หน้าว่าชายผู้นั้นล่อลวง ล่อลวงว่าจะให้ทำงานและจะให้เงินเดือนและผลที่สุดก็ทำลายความบริสุทธิ์ ทำลายแล้วก็ให้ลูกน้องพาไปเข้าซ่องหาเงินต่อไป

อีกคนหนึ่ง สวยมาก เข้ามายืนยันว่าชายผู้นั้นหลอกลวงว่าจะเอาไปให้เจ้านาย แต่ผลที่สุดก็ทำลายเสียก่อนแล้วจึงนำไปส่ง ได้รับความทารุณจนต้องกินยาตาย

พวกผู้ชายก็มายืนยันว่า ชายคนนี้มีการค้าของผิดกฎหมายและแอบฆ่าเขาเพื่อเป็นการปิดปาก เมื่อมีโจทก์มายืนยันเข้าจริงๆจังๆชายคนนั้นก็เถียงไม่ได้ ยมบาลจึงให้ไปลงขุมซึ่งมีไฟนรกไหม้อยู่ตลอดวันตลอดคืน

พอชายคนนั้นถูกทหารของยมบาลพาตัวไปแล้ว ทหารก็พาคนโทษมาใหม่อีกคนหนึ่ง แม่ชีอาจารย์เห็นแล้วตกใจ เพราะว่าเป็นทิดสึกใหม่ ผมยังสั้นเกรียนอยู่ จึงตั้งใจคอยฟังดูว่า เรื่องราวเป็นอย่างไรกัน ก็ได้ยินเสียงยมบาลตวาดว่า

 “สัตว์ผู้โง่เขลา ทำไมบวชแล้ว จึงยังทำชั่ว เวลาอุปัชฌาย์อาจารย์สอนให้ปลงอสุภ พิจารณา เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ไม่ได้ทำดอกหรือ”

เขาบอกว่า   “ผมว่าตามเมื่อเวลาจะบวชเพียงครั้งเดียว บวชแล้วไม่ได้เคยเข้ากรรมฐานพิจารณาตัวเลย พอลาสิกขาบทเพื่อนชวนไปหานางโลมและเสพสุรา จึงไปกับเพื่อน พอดีรถชนกันเลยคอหักตาย”

ยมบาลท่านก็สอนว่า   “นี่แหละ เข้าใกล้พระธรรมแต่ไม่ทำตาม จึงเป็นอย่างนี้ตลอดเวลาที่บวชก็มีความผิดต้องสังฆาทิเสสบ่อยๆ ไม่สำรวมระวังในพระวินัยของพระสงฆ์ ผิดแล้วไม่สารภาพรับผิด จึงต้องลำบากมาก”

แล้วแม่ชีอาจารย์ทองสุขท่านก็เห็นยมบาลท่านหันไปพูดอะไรค่อยๆ กับเสมียนอยู่หลายคำ แล้วจึงได้ยินท่านสั่งว่า

 “กรรมของสัตว์ผู้นี้ยังไม่หมด มาก่อนเป็นเวลา ๒ ปี เจ้าจงรับเป็นคำสัจว่า จะกลับไปสั่งสอนคนอื่นๆ ให้ประพฤติตัวอยู่ในศีล ๕ – ศีล ๘ ได้หรือไม่”

ทิดสึกใหม่ก็รีบรับคำ ยมบาลท่านใจดี ท่านบอกว่า  “ให้ทหารพาไปดูขุมนรกที่ลงโทษคนกินเหล้าและบ้ากามให้ดูนานๆ แล้วรีบพาไปส่งเพราะร่างจะเน่าเสียก่อนยังเหลืออีก ๒ ปี แต่ถ้าทำดีจะได้อยู่ถึง ๒๐ ปี อายุ ๔๔ จึงค่อยมาใหม่”

พอทหารพาทิดสึกใหม่ออกไป ทหารอีกพวกหนึ่งก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา เสมียนฟ้องว่า  “เป็นคนมีสามีแล้ว แต่ยังแอบไปหาชู้ตามโรงแรม”

ยมบาลถามว่า  “จริงหรือ”

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า “จริงค่ะ”  

ยมบาลท่านตวาดว่า  “เจ้าสัตว์ผู้โง่เขลา ทำไมเจ้าทำผิดอย่างเลวทรามอย่างนั้น เจ้าไม่กลัวต้องขึ้นต้นงิ้วหรือ”

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า  “กลัวมากค่ะ  แต่สามีสอนว่าเวลาทำบุญทอดกฐินให้เอาขวานไปถวายพระด้วย หนามงิ้วมันกลัวคมขวาน ถ้ายมบาลให้ขึ้นต้นงิ้ว ก็ให้เอาขวานไปถ่กด้วย”

ยมบาลท่านตวาดว่า  “เจ้าพูดเหลวไหลทำไมผัวเจ้าจึงสอนอย่างนั้น”

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า  “เพราะผัวให้ออกไปหาเงินตามโรงแรมเอามาใช้จ่ายในบ้าน ด้วยเขาไม่มีงานทำ และเงินก็ไม่มีใช้ เขาก็ป่วยไข้และติดยาเสพติด ลูกก็ถูกครูเร่งค่าเล่าเรียน ไม่มีให้เขา เขาก็จะไม่
ให้สอบ”

แม่ชีอาจารย์ฟังแล้วก็ยกผ้าเช็ดปากขึ้นเช็ดน้ำตา ตั้งใจว่าจะต้องช่วยสร้างโรงเรียนเด็กคนจนให้สำเร็จจนได้

ยมบาลท่านฟังหญิงผู้ถูกกล่าวหาว่ามีสามีแล้ว แต่ยังชอบขายตัวตามโรงแรม ครั้นหญิงนั้นให้การว่า สามียากจนไม่มีงานทำและทั้งติดยาเสพติด ลูกก็ต้องค้างค่าเล่าเรียน สามีจึงใช้ให้ไปขายตัวเอามาเลี้ยงครอบครัว

แม่ชีอาจารย์ทองสุขฟังแล้วแอบเช็ดน้ำตา สงสารหัวอกลูกผู้หญิงต้องลำบากถึงเพียงนี้ ใครเลยหนอจะอยากทำชั่ว ความจำเป็นผัวเขาใช้ก็ต้องทำ

กำลังเป็นห่วงสงสารว่า ผู้หญิงคนนั้นจะต้องไปถูกลงโทษอยู่กับพวกขึ้นต้นงิ้ว ก็พอดีได้ยินเสียงยมบาลท่านหันไปถามจากเสมียนที่จดความประพฤติว่า “ดูทีหรือว่าผัวยอมให้ทำจริงหรือไม่”

เสมียนดูละเอียดแล้วตอบว่า  “ผัวยอมเป็นบางครั้ง แต่บางครั้งก็ไปขายตัวเอง”

ยมบาลจึงถามว่า  “บางครั้งก็ยอมไปขายตัวเองจริงหรือไม่”

หญิงนั้นตอบว่า  “จริงเจ้าค่ะ เมื่อลูกคนเล็กเจ็บหนักเป็นโรคปอดบวม พ่อเขาก็ไม่อยู่ ดิฉันไม่มีเงินไปให้หมอก็จำต้องทำชั่ว เมื่อพ่อเด็กเขากลับมา ดิฉันก็บอกเขาและขอโทษเขาแล้ว เขาก็ไม่ถือโทษดิฉันค่ะ”

ยมบาลฟังแล้วนิ่งอึ้งพลางให้เสมียนดูในด้านการกุศลต่อไปว่า หญิงนั้นทำบุญไว้บ้างหรือเปล่า เสมียนบอกว่า

 “เคยช่วยงานก่อสร้างโรงเรียนและโบสถ์วิหารหลายครั้ง และเคยส่งเสียให้ยายบ้าง เมื่อมีเงินให้ลูกเลี้ยงเรียนหนังสือเหมือนลูกตัวเอง”

ยมบาลฟังแล้วจึงว่า  “เจ้าว่าเจ้าทำชั่วเพราะผัวยอมให้ทำและเจ้าทำบุญมาหลายครั้ง จงไปอยู่ทางเรือนพักชั่วคราว ประกอบแต่ความดีและจะได้ไปเกิดใหม่ จะมีความสุขไม่ยากจน เจ้าจงทำแต่ความดีอันเป็นกุศลเถิด”

ยมบาลสั่งสอนด้วยความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง หญิงนั้นก้มลงกราบแล้วกราบอีก จึงค่อยๆลาจากไปกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็นำชายหนุ่ม ๒ คน เข้ามา แข้งขาหักทั้งคู่ ได้ความว่าเป็นพี่น้องกัน

เสมียนรายงานว่า สองคนพี่น้อง พ่อแม่ให้เรียนหนังสือก็ไม่ขยันเรียน ให้บวชก็ไม่ยอมบวช เอาแต่เที่ยวเตร่กินเหล้า เที่ยวผู้หญิง สูบยาเสพติด เวลาขอเงิน แม่ไม่ให้ก็ทำท่าทางจะเตะบ้าง จะชกบ้าง ว่าแม่เจ็บๆแสบๆ งานการไม่ช่วยทำเลย มีแต่รบกวนพ่อแม่ทุกวัน

จนพระภูมิทนไม่ไหว ต้องฟ้องร้องเทพผู้ไปตรวจกรรมมนุษย์เสมอ บางครั้งของแม่จัดหาไว้ใส่บาตรก็แอบกินเสียก่อน และไม่ชอบให้แม่ทำบุญ หาว่าแม่ชอบพระ ถูกยาเสน่ห์ พูดให้แม่เสียหาย ฯลฯ

ยมบาลถามว่า  “เจ้าผู้โง่เขลา ทำอย่างนี้จริงหรือไม่”

เขาทั้งสองนิ่งไม่รับแต่ก็ไม่เถียง ยมบาลท่านจึงว่า

 “นี่แหละกรรมของเจ้าทันตาเห็น เจ้าอยากจะเตะแม่เมื่อขอเงินไม่ได้ จึงต้องขาหัก อยากจะชกแม่ก็ต้องเป็นคนแขนหัก เจ้าเป็นคนอกตัญญู จงไปอยู่ขุม ‘ยันตปาสาณนรก’ เถิด

เจ้าจะต้องอยู่ระหว่างหินใหญ่ทั้งสอง ซึ่งหินใหญ่คู่นี้จะกระทบกระแทกกันตลอดวันตลอดคืน เจ้าอยู่ระหว่างกลางเมื่อหินกระแทกกันครั้งไร เจ้าพี่น้องก็จะต้องแหลกละเอียดไปด้วย

เมื่อหินห่างกันออกมา เจ้าจะกลับเป็นร่างกายสมบูรณ์ดีอย่างเก่า แล้วก็ต้องถูกหินกระแทกละเอียดไปอีกอย่างนี้เป็นเวลาพันปีมนุษย์ นี่แหละคือผลแห่งความอกตัญญูต่อพ่อแม่ เจ้าจะต้องรับโทษอย่างนั้น”

พอเจ้าหน้าที่พาชายหนุ่มสองคนออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็ฉุดผู้หญิงพวกหนึ่งเข้ามาเป็นจำนวน ๕ คน ล้วนแต่หน้าฉีก ปากฉีก เลือดออกแดงฉานไปทั้งนั้น

แม่ชีอาจารย์ทองสุขเบือนหน้าหนีไม่อยากมองในใจก็นึกว่า แม่พวกนี่แต่งตัวก็ยั่วยวน นี่ไปยั่วยวนกับอะไรมา จึงหน้าตาเป็นแบบนี้ เสียงร้องโอดครวญดังลั่นไปทั้งศาล

ได้ยินเสียงท่านยมบาลท่านตวาด หันไปดูก็เห็นท่านกระทืบเท้า มองไปที่เท้าแล้วตกใจ ทำไมเท้ายมบาลจึงโตเท่าเกือบรถยนต์ กระทืบลงไปทีเดียวศาลแทบพัง รู้สึกตัวโยกเหมือนแผ่นดินไหว พวกผู้หญิง ๕ คนนั้นหยุดเงียบทันทีไม่กล้าร้องไม่กล้าเถียงอีกต่อไป

เสมียนเขารายงานว่า  “คน ๕ คนนี้ ชอบกินเหล้าประพฤติตัวเป็นคนเสเพล ยุแหย่ให้ผู้อื่นกินเหล้าเมายาแล้วทำชั่ว”

ยมบาลท่านสั่งให้ไปอยู่นรกขุม “ตามโทพนรก” ในขุมนี้แม่ชีอาจารย์ทองสุขเล่าว่า เมื่อเดินกลับได้แลเห็นสัตว์นรกต้องดื่มน้ำทองแดง ซึ่งละลายออกมาด้วยไฟเผาและสัตว์นรกก็ต้องดื่มอย่างกระหาย

กินแล้วก็ตายไปตายไปแล้วก็เกิดขึ้นใหม่ และต้องกินน้ำทองแดงตลอดปีตลอดชาติจนกว่าจะหมดเวร ซึ่งเห็นแล้วแทบสลบแทนสัตว์นรกนั้นๆ

พอหมดพวกรถคว่ำตายแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่พาผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาอายุประมาณ ๖๐ ปี ท่าทางหยิ่งๆ

เสมียนบอกว่า

 “ชายคนนี้เป็นคนฉ้อโกงที่ดินของราษฎร พวกราษฎรจนๆ ไปพึ่งพาอาศัยขอยืมข้าวเปลือกไปตกกล้า เพื่อจะได้ทำนา เขาก็ให้อาศัยพักค้างคืนอยู่ในบ้านของเขา และใช้อำนาจทำมิดีมิร้ายแก่หญิงเป็นกำไรเสียก่อน

การให้ยืมข้าวถัง ๔ ถัง ต้องใช้ ๑๒ ถังบ้าง ๑๖ ถังบ้าง แล้วแต่คนไหนสวย ถ้าสวยหน่อยยอมเสียตัวให้ก็คิดเอาข้าวน้อยหน่อย

เขาออกเงินกู้ให้กู้ยืม ชาวนามากู้ยืม ๒,๐๐๐ บาท ต้องลงในใบกู้ว่า ๔,๐๐๐ บาท ถ้าตรงไหนเป็นนาดี เวลาเจ้าของจะเอาเงินไปไถ่คืน เขาก็ไม่ต้อนรับ ทำเป็นว่าไม่อยู่บ้าง ไม่ให้พบบ้าง จนหมดกำหนด

เขาก็ริบเอาเสียเลย เขาโกงด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบายต่างๆ จนมีที่ดินหลายหมื่นไร่ กรรมตามทัน ทำให้ตัวเองเป็นโรคที่กินข้าวไม่ได้ ต้องนอนกินรำมาแล้ว ๓ – ๔ ปี จึงตาย

โกงที่ดินรีดนาทาเร้นจากคนยากคนจนจนกระทั่งมีที่นาตั้งหลายหมื่นไร่ แต่เมื่อจวนจะตายก็เป็นโรคเบาหวานอย่างหนัก กินข้าว กินขนม ไม่ต้องกินรำแทนข้าว

ครั้นเมื่อตายแล้วก็ต้องไปพบยมบาล พวกภูตฤทธิ์ฉุดกระชากลากไปเหมือนคนต้องโทษหนัก”

ยมบาลท่านให้เสมียนเปิดบัญชีอ่านความชั่วของเขาให้ตัวเขาฟังเอง เขาฟังแล้วทำหน้าตาเฉยบอกว่า

 “เขาไม่ได้โกงพวกราษฎรเจ้าของที่ดิน เขาจำนำไว้แล้วไม่มาไถ่เอง”

พอเขาพูดจบประตูทางด้านขวามือก็เปิดออก มีคนทั้งผู้หญิงผู้ชายเดินออกมาหลายร้อยคน จนแน่นศาลไปหมด คนเหล่านั้น แต่งตัวเหมือนชาวนา พูดเสียงคล้ายๆ คนจังหวัดราชบุรี เมืองเพชร บ้านโป่ง และทางหนองปลาดุก

แม่ชีอาจารย์ทองสุขเล่าว่า พวกเจ้าของนาที่ตายไปด้วยความอดอยากยากจนเพราะถูกโกงที่ดินหมดก็พยาบาท จึงแอบคอยดูว่าเมื่อไร คนโกงคนนั้นจะย่างเหยียบเข้ามาในแดนตัดสินบ้าง

เขาคอยโอกาสอยู่ไม่นานคนโกงก็เข้ามา เขาจึงรุมฟ้องยมบาลว่า คนโกงคนนั้นได้โกงเขาอย่างไรใช้อุบายต่างๆ กันอย่างไร นอกจากโกงที่ดินแล้ว ยังเคยแอบฆ่าคนเสียหลายศพ เพราะไม่ชอบใคร

พอบอกว่า “ไม่อยากเห็นหน้า” เท่านั้น เป็นอันรู้กัน ลูกน้องของเขาจะไปจัดการยิงหรือแทงให้ทันที

คนที่ถูกฆ่าตายเล่าให้ยมบาลฟังว่า

 “ตัวเขาชื่อ ฮวด ได้ถูกคนโกงคนนั้นใช้ให้ไปฆ่าคน แต่ไม่ไป เขาพูดตอบดีๆ ว่า ‘นาย อย่าให้ผมทำเลยผมมีลูกแล้ว ๒ คน กำลังเล็กๆอยู่ แม่มันก็ขี้โรค หาเลี้ยงลูกไม่ไหว’

ผมบอกเขาดีๆ แต่วันรุ่งขึ้นเขาก็ให้ลูกน้องมายิงผมตาย เพราะใครรู้เรื่องเขาแล้ว ถ้าเขาใช้ไม่ทำก็ต้องตายเหมือนกัน”

ยมบาลฟังโจทก์ฟ้องแล้วก็หันไปถามเสมียนว่า “เรื่องที่นายฮวดฟ้องนี้มีอยู่ในบัญชีหรือไม่”

เสมียนคนนั่งทางซ้ายมือเปิดบัญชีไปอีก ๓ – ๔ หน้า แล้วตอบว่า “มี เป็นเรื่องจริงที่นายฮวดกล่าว”

ยมบาลหน้าบึ้งตึงทันที ตวาดว่า  “เจ้ามนุษย์คนชั่ว เจ้าก่อกรรมทำเข็ญถึงเพียงนี้ ดูซิวิญญาณมาคอยเจ้าอยู่แน่นศาลไปหมด เจ้าจงไปสู่กรรมของเจ้าในบัดนี้”

พอยมบาลท่านสั่งเท่านั้น ก็มีเปรตตนใหญ่ยื่นมือมากางออกข้างละยาวเลยวา รวบเอาตัวคนโกงไปทันที

แม่ชีอาจารย์ทองสุขเห็นแล้วกลัวจนตัวสั่น พอดีจิตเต้นตึ้กขึ้น ก็รู้ว่าหลวงพ่อคงเรียกแล้ว จึงรีบลุกขึ้นค่อยๆ เดินแอบย่องออกไปหาเจ้าหน้าที่ผู้หญิง บอกกับเขาว่า

“หลวงพ่อเรียกแล้วจะขอลากลับไปก่อน ไว้หลวงพ่อเผลอ หรือท่านไม่ใช้จึงจะแอบหนีลงมาใหม่”

เจ้าพนักงานคนนั้นก็ใจดีพาเดินมาส่ง จึงเดินมาด้วยกันตามทางตรง พอจะออกประตูก็แลเห็นเปรตตนหนึ่งสูงใหญ่ เดินคอแข็งเหมือนแบกอะไรไว้บนหัว

แม่ชีอาจารย์ทองสุขจึงเงยหน้าขึ้นมองจนคอตั้งบ่าจึงได้สังเกตเห็นว่า เปรตนั้นแบกแผ่นดินใหญ่เท่าบ้านไว้บนหัว พลั้งปากออกไปว่า  “นั่นแบกแผ่นดินไว้จะไปขายที่ไหน”

เปรตตนนั้นไม่ตอบ แต่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตอบแทนว่า

 “ไม่ใช่เขาจะเอาแผ่นดินไปขาย เปรตตนนั้นเมื่อเป็นมนุษย์อยู่เป็นผู้มีความโลภ โกงกินที่ดินวัด ตายแล้วจึงต้องมาตกนรก ครั้นพ้นโทษหนัก แล้วก็ต้องมารับโทษเบาคือ เป็นเปรตเดินแบกแผ่นดินอย่างนี้ อีก ๕,๐๐๐ ปีมนุษย์ จึงจะหมดกรรม”

แม่ชีอาจารย์ทองสุขเล่าว่าฟังแล้วคออ่อน แผ่นดินเท่าบ้าน เปรตเดินแบกอยู่ ๕,๐๐๐ ปี   น่ากลัวคอจะหักเสียวันละหลาย ๆ ร้อยครั้ง

ครั้นเดินมาพ้นเขตนรกแล้วทางก็ราบรื่นสดสวยไปด้วยดอกไม้ใบไม้การปลูกและดูแลรักษาดีมาก มีเรือนหลังสวยๆ เป็นแถวทุกๆ เรือน น่ารักกะทัดรัดน่าอยู่ มีสวนดอกไม้อยู่หน้าบ้านเหมือนๆ กัน

เรือนทุกหลังมีผ้าบังตาสวยๆ อยู่ที่หน้าต่าง เหมือนในบ้านเมืองมนุษย์ด้วย แม่ชีอาจารย์บอกว่าคนที่อยู่ในเรือนเหล่านั้น รูปร่างสวยงาม สะอาด หน้าตาผ่องใสน่ารัก เล่นกันเป็นหมู่ ดูผิวหน้ายิ้มแย้มเหมือนผู้มีความสุข เมื่อแลเห็นแม่ชีอาจารย์เดินผ่าน เขาก็มองและยิ้มแย้มด้วยดี

แม่ชีอาจารย์ถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงว่า  “คนเหล่านี้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายดูมีความสุข เจ้าเป็นอะไร
จึงไม่ต้องโทษ”

เจ้าหน้าที่ตอบว่า  “คนเหล่านั้นพ้นโทษแล้ว กำลังรอเวลาจะจุติ”

แม่ชีอาจารย์ถามว่า “จะจุติที่ไหน” เจ้าหน้าที่ตอบว่า  “บางคนจะจุติเป็นมนุษย์และบางคนจะจุติเป็นเทวดานางฟ้า”

แม่ชีอาจารย์ทองสุขฟังแล้วสงสัยจึงถามว่า “คนที่จะไปจุติเป็นมนุษย์กับคนที่จะจุติไปเป็นเทวดานางฟ้านั้นต่างกันอย่างไร”

พนักงานหญิงในยมโลกตอบว่า

“ต่างกันที่บุญกุศลซึ่งได้ทำมาแต่ชาติก่อน แม้คนที่จะได้ไปเกิดในเมืองมนุษย์ด้วยกัน ก็ยังแตกต่างกันอีกเป็นหลายสิบจำพวก

บางคนไปเกิดในตระกูลพ่อแม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยอย่างมหาศาล แต่เมื่อได้เข้าไปในท้องแม่แล้ว พอโตหน่อยก็ต้องกลายเป็นคนพิการไป

หรือบางคนไม่พิการแต่ประพฤติตัวเหลวไหล ใช้จ่ายเงินทองที่พ่อแม่ให้อย่างย่อยยับหมดตัวเองกลับต้องลำบากยากจนลงอีกก็เคยมีเสมอ

บางคนไปเข้าท้องคนชาวนาอย่างยากจน แต่พอโตขึ้นมีคนไปรับเลี้ยงให้เล่าเรียนดีก็ได้เป็นใหญ่เป็นโต มีความสุขสำราญ ทุกชีวิตเป็นไปตามกรรมของเขาที่ได้สร้างสมมาทั้งสิ้น”

โดยสรุป ผมคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เพราะวิชาธรรมกายสามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้  และแม่ชีทองสุกท่านก็มีนิสัยห้าวๆ อย่างนั้นอยู่แล้ว


มีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งคือ ท่านเคยทำวิชาให้เพศแปลงเป็นผู้ชาย แล้วก็ทำสำเร็จเสียด้วย แต่พอมานึกว่า ถ้าหลวงพ่อรู้ ก็จะต้องเป็นเรื่องใหญ่โต คือ จะต้องมีหมอมาตรวจ ฯลฯ  ท่านก็เลยทำวิชาให้เพศกลับเป็นหญิงเหมือนเดิม 



4 ความคิดเห็น:

  1. ผมอ่านแล้วอึ้งไปเลยนะครับ

    ขอถาม
    1.ยมบาล ยมฑูตนี่ สร้างบารมีมายังไงหรือครับ ถึงได้ไปอยู่อย่างนั้น แล้วจัดว่าเป็นเทวดาสวรรค์ชั้นหนึ่งหรือไม่ครับ

    2.การที่ยมบาลแปลงตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติได้นี่ ถ้าฝรั่งโดนจับมา ก็จะมองเห็นศาลของยมบาลเป็นศาลแบบตะวันตก เห็นยมบาลแต่งกายแบบคนตะวันตกใช่ไหมครับ เพราะวัฒนธรรมแต่ละที่ อธิบายลักษณะของนรกไว้ต่างกันตามวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ คงจะเป็นผลมาจากการที่มีคนเคยไปเห็น แล้วนำกลับมาเล่า

    3.พวกที่ถูกจับมาสอบสวนนี่ ใช่พวก "หลงตาย" หรือไม่ครับ แล้วคนที่นึกถึงกรรมดีได้ก่อนตาย จะไปสวรรค์ได้เลย หรือว่าต้องมารับการสอบสวนก่อนครับ
    แล้วพวกกรรมหนักถึงขั้นต้องลงโลกันต์นี่ ต้องมารับคำพิพากษาที่นรกก่อนหรือไม่ครับ หรือว่าตายแล้วไปโลกันต์เลย

    4.มนุษย์ทุกคน ตายไปต้องตกนรกเท่านั้นหรือครับ คือผมหมายถึงว่า คนที่ได้ขึ้นสวรรค์ พอจุติแล้ว ก็ต้องลงนรกเท่านั้นหรือครับ จะมีบ้างไหมครับแบบที่ว่า จุติแล้ว มาเ้กิดเป็นมนุษย์เลย ไม่ต้องไปนรก

    ตอบลบ
  2. 1) ยมฑูต ยมบาล เป็นคนของฝ่ายมาร ไม่รู้สร้างบารมีมาอย่างไร แต่ลุงดับไปหมดแล้ว

    2) ไม่ใช่ ในทางวิชาธรรมกาย ศาสนาอื่นถูกมารหลอกหมดเลย โดยไม่รู้ตัวด้วย ทางพุทธก็ถูกหลอกเช่นกัน แต่พระพุทธเจ้าทรงรู้ความจริง ก็เอามาสอนกัน

    ดังนั้น ทางศาสนาอื่นไปพบยมบาลหรือสวรรค์ ฯลฯ เราจึงเอามาเรียนรู้ไมได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่มารหลอกให้เห็นไปอย่างนั้นทั้งหมด

    3) การสอบสวนเป็นประเพณี คนตายเดี๋ยวนี้ก็ให้ให้พวกฝ่ายขาวสอบสวนด้วยกัน พวกหลงตายนั้นเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง (ไม่รู้ว่าแบ่งกันอย่างไร) ตายไปแล้วก็ไปนรกเลย

    ดวงบุญ ดวงบาปในตัวเรา กำหนดให้ไปอย่างนั้น

    โดยสรุป การสอบสวนก็มี การตายไปแล้ว ไป ณ สถานที่นั้นเลยก็มี ยังไม่รู้ว่าแบ่งกันอย่างไร พวกโพธิสัตว์มาสร้างบารมี ตายไปแล้ว ก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตเลย พวกหลงตายก็ไปนรกเลย ไม่ต้องผ่านการสอบสวน

    4) คนส่วนเกิดมาแล้ว ตายไปก็ไปนรก เมื่อตายแล้วขึ้นสวรรค์ ส่วนใหญ่จะมาเกิดใหม่ ก็ไปใช้กรรมในนรกก่อน พวกที่ตายแล้ว ขึ้นสวรรค์ แล้วมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ก็มี แต่มันน้อย

    เปรียบเทียบง่ายๆ คนในโลกประมาณ 7,000 ล้านคน แต่จะตายแล้วขึ้นสวรรค์มีเฉพาะศาสนาพุทธ และเฉพาะในประเทศไทยด้วย พวกมหายานส่วนใหญ่ก็ไปนรก

    ดังนั้น คนจะขึนสวรรค์สักเท่าไหร่ อาจจะเป็น 10,000 : 1 หรือ 100,000 : 1 ก็อาจเป็นได้

    เฉพาะในประเทศไทย ประมาณ 60 ล้านคน จะขึ้นสวรรค์สักเท่าไหร่ อาจจะถึงล้านคนหรือเปล่าก็ไม่รู้

    พวกเรามาพบคุณลุงถือว่า โชคดีสุดๆ แล้ว เพราะ อย่างน้อยพวกเราสามารถตรวจสอบได้ว่า คนตายแล้วไปไหน กลุ่มอื่นๆ ทำไม่ได้เลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ้าว ยมบาลกับยมฑูตเป็นคนของมารด้วยหรือครับ
      คือผมรู้อยู่แล้วว่าอบายภูมิเป็นภพที่มารสร้างขึ้นเพื่อลงโทษสัตว์โลก แต่ก็พึ่งมารู้นี่แหละว่าเจ้าหน้าที่ของอบายภูมิก็เป็นคนของมารด้วย
      เพราะเท่าที่อ่านมา ยมบาลก็ตัดสินคนอย่างมีเมตตา และยุติธรรม ซึ่งตามตรรกะของผม ธรรมแบบนี้ ไม่น่าจะมีอยู่ในภาคมาร และจากที่อ่านปราบมาร ก็พบว่าในการช่วยสัตว์นรกของคุณลุง พวกผู้คุมเขาไม่ได้ขัดขวาง (ถ้าเป็นคนของมารก็ต้องขวางสิ) หรืออย่างกรณีแม่ชีทองสุกนี้ ไปท่องเมืองนรก แล้วทำไมถึงยังเป็นมิตรกับพวกผู้คุมได้ คือตามเหตุผลของผมนี่ แม่ชีทองสุกเป็นคนของภาคขาว พวกยมฑูตเป้นคนของมาร เมื่อมาเจอกัน ก็จะต้องสู้กันสิ แต่เท่าที่อ่านดู ยมฑูตก็เป็นมิตรกับแม่ชีดี

      ไม่รู้สิ บางทีเหตุผลของมนุษย์ อาจจะทำความเข้าใจเรื่องของทิพย์ไม่ได้กระมัง

      ลบ
    2. ฝ่ายพระกับฝ่ายมาร ไม่ใช่ว่าเจอกันแล้ว จะต้องฆ่ากันให้ตายไปทุกครั้ง

      บางทีก็คุยกัน แล้วก็ต่างคนต่างไป นี่หมายถึง ทั่วๆ ไป

      แต่คุณลุงเป็นกรณียกเว้น เพราะ ถูกสั่งให้ปราบมาร ลุงพบมารกับดับหมด

      พวกลูกศิษย์ทั้งหลายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ลูกศิษย์ลุงด้วย เจอมารบางทีก็อยากจะคุย อยากได้ความรู้ แล้วก็ต่างคนต่างไป

      ยกเว้น มารมันกวนตีน ก็ต้องดับกันหน่อย

      ลบ